ReadyPlanet.com


ระวัง! เครื่องปรับอากาศสะสมเชื้อโรค ต้นตอภูมิแพ้ งูสวัด หัดเยอรมัน


แพทย์เผยเชื้อโรคนานาชนิดอยู่ในเครื่องปรับอากาศ ทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ส่งผลเป็นต้นตอโรคภูมิแพ้ หืดหอบ ปอดบวม โรคสุกใส งูสวัด หัดเยอรมัน สัญญาณเตือนมีกลิ่นชื้นอับมากับความเย็น พบมีอาการคันจมูก คันตา จามบ่อย แน่นจมูก ตื่นนอนจะระคายคอ หากอาการป่วยรุนแรงมาก เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แนะหมั่นทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง

       นพ.ฉัตรชัย เอกปัญญาสกุล แพทย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) องครักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้อากาศประเทศไทยร้อนขึ้น และในช่วงฤดูกาลที่เข้าสู่หน้าร้อน โดยเฉพาะในตอนกลางวัน เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในบริเวณที่ลำแสงของดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับผิวพื้นโลก ทำให้อากาศกลางวันเป็นช่วงเวลาที่ร้อนอบอ้าวสูงสุด ก่อให้เกิดสภาวะอากาศร้อนอบอ้าวอย่างมากทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านกับมากขึ้น แต่ไม่มีใครสนใจว่าเครื่องปรับอากาศนั้น แม้จะทำให้คลายร้อนลงได้ แต่ยังแฝงไปด้วยเชื้อโรคและมลพิษที่มีผลต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสุขภาพแทบทั้งสิ้น
       
       “ไม่ว่าจะเป็นโรภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังอักเสบ หืดหอบ ปอดบวมจากเชื้อลีเจียนแนร์ วัณโรค และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่นๆ เชื้อโรคที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศมักเป็นเชื้อโรคที่เจริญเติบโตได้รวดเร็ว และแพร่เชื้อผ่านทางอากาศ โดยเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้คนที่ใช้เครื่องปรับอากาศเป็นโรควัณโรค เชื้อไวรัส ทำให้เกิดโรคสุกใส งูสวัด หัดเยอรมัน”นพ.ฉัตรชัย กล่าว
       
       นพ.ฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า ผู้ใช้เครื่องปรับอากาศควรจะสังเกตว่า เวลาที่เปิดเครื่องปรับอากาศถ้ามีกลิ่นอับชื้นที่มากับความเย็น กลิ่นอับชื้นเหล่านี้มักมาจากเชื้อโรคที่ออกมาจากช่องระบายความเย็นและแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศ โดยความชื้นจะเป็นแหล่งสะสมเพาะพันธุ์อย่างดีของเชื้อโรค และเมื่อสะสมมากๆ เข้า เชื้อโรคก็จะหลุดลอยออกมาปะปนกับอากาศเย็นภายในห้อง ไม่ใช่ความเย็นบริสุทธิ์ แต่เป็นความเย็นที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคต่างๆ มากมาย โรคที่พบบ่อยของการใช้เครื่องปรับอากาศที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค ก็คือ โรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการคันจมูก คันตา จามบ่อย แน่นจมูก และเมื่อตื่นนอนขึ้นมาจะมีอาการระคายคอ และหากมีอาการป่วยรุนแรงมาก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
       
       “ขอแนะนำให้ผู้ที่ใช้เครื่องปรับอากาศล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาสอย่างสม่ำเสมอ โดยดูตามความเหมาะสมจากสภาพแวดล้อมและการใช้งาน ด้วยวิธีการล้างแผ่นกรองอากาศอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยใช้น้ำฉีดแรงๆ ที่ด้านหลัง ด้านที่ไม่ได้รับฝุ่น ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออก และในแต่ละปีควรล้างเครื่องปรับอากาศแบบเต็มระบบ จะช่วยขจัดเอาฝุ่นละออง เชื้อโรคที่เกาะติดอยู่กับส่วนต่างๆ ของเครื่อง และที่ร่องลอยอยู่ในอากาศภายในห้องทิ้งออกไป ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เครื่องปรับอากาศควรมีการดูแลสุขภาพตนเองด้วย เช่น ถ้าอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าห้องปรับอากาศอย่างฉับพลัน นอกจากนี้ ต้องปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม โดยทั่วไปควรตั้งไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส ควรเปิดพัดลมระบายอากาศเพื่อให้มีการถ่ายเทอากาศได้อย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ เช่น การสูบบุหรี่ การปรุงอาหาร ที่สำคัญ ควรดูแลสิ่งแวดล้อมในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศด้วย โดยกำจัดฝุ่น กำจัดแหล่งที่อยู่ของแมลงสาบ ละอองเกสรพืช ไรฝุ่นในที่นอน ขนสัตว์ และแมลงอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ นอกจากนี้บ้านใดมีหิ้ง ตู้วางของต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ และควรทำความสะอาดเพดาน ม่าน กำแพง ทุกๆ 2 -3 เดือน กำจัดแหล่งเชื้อรา อย่าให้เกิดความชื้นหรือกลิ่นอับขึ้นภายในบ้านหรือในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ” นพ.ฉัตรชัย กล่าว
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 เมษายน 2550 15:53 น.


ผู้ตั้งกระทู้ ข้อมูล :: วันที่ลงประกาศ 2007-05-12 10:17:45 IP : 202.139.223.18


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.